พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่3) 13
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่3) 13
![]() |
รัชกาลที่3 |
![]() |
รัชกาลที่3 |
![]() |
รัชกาลที่3 |
ประวัติพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่3
*** พระบาทสมเด็จพระปรมาธิวรเสรฐมหาเจษฎาบดินทรฯ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (วันที่31 เดือนมีนาคม พ.ศ.2331 - วันที่2 เดือนเมษายน พ.ศ.2394) เป็นพระมหากษัตริย์ไทยรัชกาลที่3 แห่งราชวงศ์จักรี
*** พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และพระองค์แรกที่ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาเรียม (ภายหลังได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระศรีสุลาลัย เสด็จพระราชสมภพเมื่อ วันจันทร์ แรม 10ค่ำ เดือน4 ปีมะแม เวลาค่ำ 10.30 นาฬิกา (สี่ทุ่มครึ่ง) ตรงกับวันที่31 เดือนมีนาคม พ.ศ.2330 (นับแบบปัจจุบัน พ.ศ.2331) เสวยราชสมบัติเมื่อวันอาทิตย์ เดือน 9 ขึ้น 7ค่ำ ปีวอก ซึ่งตรงกับวันที่21 เดือนกรกฎาคม พ.ศ.2367 สิริดำรงราชสมบัติได้ 26ปี 255วัน
*** ทรงมีเจ้าจอมมารดาและเจ้าจอม 56ท่าน มีพระราชโอรสธิดาทั้งสิ้น 51พระองค์ เสด็จสวรรคตเมื่อวันพุธ เดือน5 ขึ้น 1ค่ำ ปีกุน โทศก จุลศักราช1212 เวลา 7ทุ่ม 5บาท ตรงกับวันที่ 2 เดือนเมษายน พ.ศ.2394 สิริพระชนมพรรษา 63ปี 2วัน
*** ครองราชย์ วันที่21 เดือนกรกฎาคม พ.ศ.2367 - วันที่2 เดือนเมษายน พ.ศ.2394 (26ปี 255วัน)
*** ราชาภิเษก วันที่1 เดือนสิงหาคมพ.ศ.2367 พระราชวังหลวง ก่อนหน้า พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ถัดไป พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชทายาท สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ
*** พระภรรยา 56 ท่าน
*** พระราชบุตร 51 พระองค์
*** วัดประจำรัชกาลคือวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร
*** พระราชมารดา สมเด็จพระศรีสุลาลัย
*** พระราชสมภพ 31 มีนาคม พ.ศ. 2331
*** พระราชวังเดิม เมืองธบุรี อาณาจักรรัตนโกสินทร์
*** สวรรคต 2 เมษายน พ.ศ. 2394 (63 พรรษา)
*** พระราชวังหลวง เมืองพระนคร อาณาจักรรัตนโกสินทร์

*** เมื่อสมเด็จพระราชชนกได้เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นรัชกาลที่2 ใน พ.ศ.2352 พระองค์จึงได้เลื่อนฐานันดรศักดิ์ขึ้นเป็นพระองค์เจ้าชั้นเอก ออกพระนามว่า พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าชายทับ จนปี พ.ศ.2356 ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ทรงกรม เป็น พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์
*** เมื่อกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์เสด็จเถลิงถวัลย์ครองราชสมบัติแล้ว ทรงออกพระนามเต็มตามพระสุพรรณบัฏว่า พระบาทสมเด็จพระบรมราชาธิราชรามาธิบดี ศรีสินทรบรมมหาจักรพรรดิราชาธิบดินทร์ ธรณินทราธิราช รัตนากาศภาสกรวงศ์ องค์ปรมาธิเบศร์ ตรีภูวเนตรวรนายก ดิลกรัตนราชชาติอาชาวไสย สมุทัยดโรมน สากลจักรวาลาธิเบนทร์ สุริเยนทราธิบดินทร์ หริหรินทราธาธิบดี ศรีสุวิบูลย คุณอถพิษฐ ฤทธิราเมศวร ธรรมิกราชาธิราช เดโชชัย พรหมเทพาดิเทพนฤบดินทร์ ภูมินทรปรมาธิเบศร โลกเชษฐวิสุทธิ มงกุฏประเทศคตา มหาพุทธางกูร บรมบพิตร พระพุทธเจ้าอยู่หัว นับเป็น สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 6
*** ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เฉลิมพระปรมาภิไธยใหม่ เป็น พระบาทสมเด็จพระปรมาธิวรเสรฐ มหาเจษฎาบดินทร สยามินทรวิโรดม บรมธรรมิกมหาราชาธิราช บรมนารถบพิตร พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ออกพระนามโดยย่อว่า พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
*** ในวันที่11 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2459 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการให้เฉลิมพระปรมาภิไธยอย่างสังเขปว่า พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาเจษฎาธิบดินทร์ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือ พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 3
*** เมื่อครั้งที่ทรงกำกับราชการกรมท่า (ในสมัยรัชกาลที่2) ได้ทรงแต่งสำเภาบรรทุกสินค้าออกไปค้าขายในต่างประเทศมีรายได้เพิ่มขึ้นในท้องพระคลังเป็นอันมาก พระราชบิดาทรงเรียกพระองค์ว่า เจ้าสัว เมื่อรัชกาลที่2 เสด็จสวรรคต มิได้ตรัสมอบราชสมบัติแก่ผู้ใด ขุนนางและพระราชวงศ์ต่างมีความเห็นว่าพระองค์ (ขณะทรงดำรงพระราชอิสริยยศเป็นกรมหมื่นเจษฏาบดินทร์) ขณะนั้นมีพระชนมายุ 37พรรษา ทรงรอบรู้กิจการบ้านเมืองดี ทรงปราดเปรื่องในทางกฎหมาย การค้าและการปกครอง จึงพร้อมใจกันอัญเชิญครองราชย์เป็นรัชกาลที่ 3
ด้านความมั่นคง
*** พระองค์ได้ทรงป้องกันราชอาณาจักรด้วยการส่งกองทัพไปสกัดทัพของเจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์ ไม่ให้ยกทัพเข้ามาถึงชานพระนครและขัดขวางไม่ให้เวียงจันทน์เข้าครอบครองหัวเมืองอีสานของสยาม นอกจากนี้ พระองค์ทรงประสบความสำเร็จในการทำให้สยามกับ ญวนยุติการสู้รบระหว่างกันเกี่ยวกับเรื่องเขมร โดยที่สยามไม่ได้เสียเปรียบญวนแต่อย่างใด
ด้านการคมนาคม
*** ในรัชสมัยของพระองค์ใช้ทางน้ำเป็นสำคัญ ทั้งในการสงครามและการค้าขาย คลองจึงมีความสำคัญ มากในการย่นระยะทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่ง จึงโปรดฯให้มีการขุดคลองขึ้น เช่น คลองบางขุนเทียน คลองบางขนาก และ คลองหมาหอน
*** ในรัชสมัยของพระองค์ได้มีมิชชันนารีชาวอเมริกันและ ชาวอังกฤษเดินทางเข้ามาเผยแพร่ ศาสนาคริสต์เพิ่มมากขึ้น หนึ่งในจำนวนนี้คือศาสนาจารย์ นายแพทย์แดน บีช บรัดเลย์ หรือที่คนไทยรู้จักกันดีในนาม "หมอบรัดเลย์" ได้เป็นผู้ริเริ่มให้มีการปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ และการฉีดวัคซีนป้องกันอหิวาตกโรคและการทำผ่าตัดขึ้นเป็นครั้งแรกในกรุงรัตนโกสินทร์ นอกจากนี้หมอบรัดเลย์ยังได้คิดตัวพิมพ์ อักษรไทยขึ้น (ปีพ.ศ.2379) ทำให้มีการพิมพ์หนังสือภาษาไทยเป็นครั้งแรกโดยพิมพ์คำสอนศาสนาคริสต์เป็นภาษาไทย เมื่อวันที่26 เดือนตุลาคม พ.ศ.2379 ต่อมาปีพ.ศ.2385 หมอบรัดเลย์พิมพ์ปฏิทินภาษาไทยขึ้นเป็นครั้งแรก
*** ในด้านการ หนังสือพิมพ์ ฉบับแรกในสมัยรัชกาลที่3 หมอบรัดเลย์ได้ออกหนังสือพิมพ์แถลงข่าวรายปักษ์เป็นภาษาไทย ชื่อ บางกอกรีคอร์เดอร์ (Bangkok Recorder) มีเรื่องสารคดี ข่าวราชการ ข่าวการค้า ข่าวเบ็ดเตล็ด ฉบับแรกออกเมื่อวันที่4 เดือนกรกฎาคม พ.ศ.2387
**** หนังสือบทกลอนเล่มแรกที่พิมพ์ขายและผู้เขียนได้รับค่า ลิกสิทธิ์ คือ นิราศลอนดอน ของหม่อมราโชทัย (หม่อนราชวงศ์กระต่าย อิศรางกูร โดย หมอบรัดเลย์ ซื้อกรรมสิทธิ์ไปพิมพ์ในราคา 400 บาท เมื่อวันที่15 เดือนมิถุนายน พ.ศ.2404 และตีพิมพ์จำหน่ายครั้งแรกเมื่อวันที่6 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2404
ด้านการค้ากับต่างประเทศ
*** พระองค์ทรงสนับสนุนส่งเสริมการค้าขายกับต่างประเทศ ทั้งกับ ชาวเอเชียและ ชาวยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้ากับจีนมาตั้งแต่เมื่อครั้งพระองค์ทรงดำรงพระอิสสริยศเป็นกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ส่งผลให้ พระคลังสินค้ามีรายได้เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ มีการแต่งสำเภาทั้งของราชการ เจ้านาย ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ และพ่อค้าชาวจีนไปค้าขายยังเมืองจีนและประเทศใกล้เคียง รวมถึงการเปิดค้าขายกับมหาอำนาจตะวันตกจนมีการลงนามในสนธิสัญญาระหว่างกันคือ สนธิสัญญาเบอร์นี พ.ศ. 2369 และ 6 ปีต่อมาก็ได้เปิดสัมพันธไมตรีกับสหรัฐอเมริกาและมีการทำสนธิสัญญาต่อกันใน พ.ศ.2375 นับเป็นสนธิสัญญาฉบับแรกที่สหรัฐอเมริกาทำกับประเทศทางตะวันออก ส่งผลให้ไทยได้ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างมาก
*** สำหรับวรรณกรรม พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้นักปราชญ์ราชบัณฑิตจารึกวรรณคดีที่สำคัญ ๆ และวิชาแพทย์แผนโบราณลงบนแผ่นศิลา แล้วติดไว้ตามศาลารายรอบพระอุโบสถ รอบพระมหาเจดีย์บริเวณวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เพื่อให้ประชาชนได้ศึกษาหาความ
โปรดเกล้าฯ ให้ส่งกองทัพไทยไปช่วยอังกฤษรบพม่า
*** พ.ศ.2368 เฮนรี เบอร์นี ขอเข้ามาทำสัญญาค้าขาย
*** พ.ศ. 2369 มีเหตุการณ์สำคัญดังนี้: ลงนามในสัญญา เบอร์นี เจ้าอนุวงศ์เป็นกบฏ โปรดเกล้าฯ ให้กรมพระราชวังบวรฯ เป็นแม่ทัพใหญ่ยกไปปราบ กำเนิดวีรกรรม ท้าวสุรนารี(คุณหญิงโม) และโปรดเกล้าฯ ให้พระยาราชสุภาวดี (สิงห์ สิงหเสนี) แม่ทัพหน้าเป็นเจ้าพระราชสุภาวดี ว่าที่สมุหนายก
*** พ.ศ.2370 เริ่มสร้างพระสมุทรเจดีย์
*** พ.ศ. 2371 ร้อยเอกเจมส์โลว์ จัดพิมพ์หนังสือภาษาไทยเป็นครั้งแรก มิชชันนารีอเมริกันเดินทางมาเผยแพร่ศาสนาในเมืองไทย
*** พ.ศ.2372 เจ้าพระยาราชสุภาวดี (สิงห์ สิงหเสนี) จับเจ้าอนุวงศ์ จัดส่งลงมากรุงเทพมหานคร ได้โปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาเป็น เจ้าพระยาบดินทรเดชา ที่สมุหนายก
*** พ.ศ.2374 ทำการบูรณะวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ใช้เวลา 16ปีในการสร้าง เกิดน้ำท่วมใหญ่ในพระราชอาณาจักร
*** พ.ศ.2375 แอนดรูว์ แจ็กสัน ประะานธิบดีสหรัฐอเมริกา ส่งเอ็ดมันต์ โรเบิร์ต เข้ามาขอเจริญพระราชไมตรีทำการค้ากับไทย
*** พ.ศ. 2376 เกิดกบฏญวน โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ผู้สำเร็จราชการเป็นแม่ทัพใหญ่ไปรบ
*** พ.ศ. 2377 ออกหวย ก.ข. เป็นครั้งแรก ญวนได้ส่งพระอุไทยราชามาปกครองเขมร
*** พ.ศ.2378 เกิดภาวะเงินฝืดเคือง
*** พ.ศ.2380 หมอบรัดเลย์ คิดตัวพิมพ์อักษรไทยขึ้นใหม่ โปรดเกล้าฯ ให้หมอหลวงไปหัดปลูกฝีกับหมอบรัดเลย์
*** พ.ศ.2381เกิดกบฎหวัดหมาดหลี ที่หัวเมืองไทรบุรี
*** พ.ศ.2382 ทรงประกาศห้ามสูบฝิ่น เพื่อส่งเสริมศีลธรรมในบ้านเมือง และ มีการเผาฝิ่น และ โรงยาฝิ่น พร้อม มีการปราบอั้งอั้งยี่ซึ่งค้าฝิ่น เหล่านั้น
*** พ.ศ.2385 หมอบรัดเลย์ พิมพ์ปฏิทินภาษาไทยขึ้นเป็นครั้งแรก
*** พ.ศ.2386 เกิดสุริยุปราคาต็มดวงขึ้นในวันที่21 เดือนธันวาคม
*** พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และพระองค์แรกที่ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาเรียม (ภายหลังได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระศรีสุลาลัย เสด็จพระราชสมภพเมื่อ วันจันทร์ แรม 10ค่ำ เดือน4 ปีมะแม เวลาค่ำ 10.30 นาฬิกา (สี่ทุ่มครึ่ง) ตรงกับวันที่31 เดือนมีนาคม พ.ศ.2330 (นับแบบปัจจุบัน พ.ศ.2331) เสวยราชสมบัติเมื่อวันอาทิตย์ เดือน 9 ขึ้น 7ค่ำ ปีวอก ซึ่งตรงกับวันที่21 เดือนกรกฎาคม พ.ศ.2367 สิริดำรงราชสมบัติได้ 26ปี 255วัน
*** ทรงมีเจ้าจอมมารดาและเจ้าจอม 56ท่าน มีพระราชโอรสธิดาทั้งสิ้น 51พระองค์ เสด็จสวรรคตเมื่อวันพุธ เดือน5 ขึ้น 1ค่ำ ปีกุน โทศก จุลศักราช1212 เวลา 7ทุ่ม 5บาท ตรงกับวันที่ 2 เดือนเมษายน พ.ศ.2394 สิริพระชนมพรรษา 63ปี 2วัน
*** ครองราชย์ วันที่21 เดือนกรกฎาคม พ.ศ.2367 - วันที่2 เดือนเมษายน พ.ศ.2394 (26ปี 255วัน)
*** ราชาภิเษก วันที่1 เดือนสิงหาคมพ.ศ.2367 พระราชวังหลวง ก่อนหน้า พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ถัดไป พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชทายาท สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ
*** พระภรรยา 56 ท่าน
*** พระราชบุตร 51 พระองค์
*** วัดประจำรัชกาลคือวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร
ราชวงศ์ จักรี
*** พระราชบิดา พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย*** พระราชมารดา สมเด็จพระศรีสุลาลัย
*** พระราชสมภพ 31 มีนาคม พ.ศ. 2331
*** พระราชวังเดิม เมืองธบุรี อาณาจักรรัตนโกสินทร์
*** สวรรคต 2 เมษายน พ.ศ. 2394 (63 พรรษา)
*** พระราชวังหลวง เมืองพระนคร อาณาจักรรัตนโกสินทร์

ตราพระราชลัญจกรประจำรัชกาลที่ 3 รูปปราสาท สอดคล้องกับพระนามเดิม "ทับ" ผูกตรานี้ขึ้นในวโรกาสกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 100ปี
*** พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นพระราชโอรสใน พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ประสูติแต่สมเด็จพระศรีสุลาลัย เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันจันทร์ที่31 เดือนมีนาคม พ.ศ.2330 (นับแบบปัจจุบันพ.ศ. 2331) ณ.พระราชวังเดิม ตรงกับรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ในขณะที่พระองค์ประสูตินั้นพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยดำรงพระอิสริยยศที่สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร พระองค์จึงมีสกุลยศชั้นหม่อมเจ้าพระนามว่า หม่อมเจ้าชายทับ จนกระทั่ง สมเด็จพระบรมชนกนาถได้รับอุปราชาภิเษกขึ้นเป็น กรมพระราชวังบวรสถานมงคล ในปีพ.ศ.2349 พระองค์จึงมีพระอิสริยยศเป็น พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าชายทับ*** เมื่อสมเด็จพระราชชนกได้เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นรัชกาลที่2 ใน พ.ศ.2352 พระองค์จึงได้เลื่อนฐานันดรศักดิ์ขึ้นเป็นพระองค์เจ้าชั้นเอก ออกพระนามว่า พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าชายทับ จนปี พ.ศ.2356 ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ทรงกรม เป็น พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์
*** เมื่อกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์เสด็จเถลิงถวัลย์ครองราชสมบัติแล้ว ทรงออกพระนามเต็มตามพระสุพรรณบัฏว่า พระบาทสมเด็จพระบรมราชาธิราชรามาธิบดี ศรีสินทรบรมมหาจักรพรรดิราชาธิบดินทร์ ธรณินทราธิราช รัตนากาศภาสกรวงศ์ องค์ปรมาธิเบศร์ ตรีภูวเนตรวรนายก ดิลกรัตนราชชาติอาชาวไสย สมุทัยดโรมน สากลจักรวาลาธิเบนทร์ สุริเยนทราธิบดินทร์ หริหรินทราธาธิบดี ศรีสุวิบูลย คุณอถพิษฐ ฤทธิราเมศวร ธรรมิกราชาธิราช เดโชชัย พรหมเทพาดิเทพนฤบดินทร์ ภูมินทรปรมาธิเบศร โลกเชษฐวิสุทธิ มงกุฏประเทศคตา มหาพุทธางกูร บรมบพิตร พระพุทธเจ้าอยู่หัว นับเป็น สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 6
*** ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เฉลิมพระปรมาภิไธยใหม่ เป็น พระบาทสมเด็จพระปรมาธิวรเสรฐ มหาเจษฎาบดินทร สยามินทรวิโรดม บรมธรรมิกมหาราชาธิราช บรมนารถบพิตร พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ออกพระนามโดยย่อว่า พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
*** ในวันที่11 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2459 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการให้เฉลิมพระปรมาภิไธยอย่างสังเขปว่า พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาเจษฎาธิบดินทร์ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือ พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 3
*** เมื่อครั้งที่ทรงกำกับราชการกรมท่า (ในสมัยรัชกาลที่2) ได้ทรงแต่งสำเภาบรรทุกสินค้าออกไปค้าขายในต่างประเทศมีรายได้เพิ่มขึ้นในท้องพระคลังเป็นอันมาก พระราชบิดาทรงเรียกพระองค์ว่า เจ้าสัว เมื่อรัชกาลที่2 เสด็จสวรรคต มิได้ตรัสมอบราชสมบัติแก่ผู้ใด ขุนนางและพระราชวงศ์ต่างมีความเห็นว่าพระองค์ (ขณะทรงดำรงพระราชอิสริยยศเป็นกรมหมื่นเจษฏาบดินทร์) ขณะนั้นมีพระชนมายุ 37พรรษา ทรงรอบรู้กิจการบ้านเมืองดี ทรงปราดเปรื่องในทางกฎหมาย การค้าและการปกครอง จึงพร้อมใจกันอัญเชิญครองราชย์เป็นรัชกาลที่ 3
พระราชกรณียกิจ
*** พระองค์ทรงปกครองประเทศด้วยพระปรีชาสามารถ ทรงเสริมสร้างกำลังป้องกันราชอาณาจักร โปรดให้สร้างป้อมปราการตามปากแม่น้ำสำคัญ และหัวเมืองชายทะเลด้านความมั่นคง
*** พระองค์ได้ทรงป้องกันราชอาณาจักรด้วยการส่งกองทัพไปสกัดทัพของเจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์ ไม่ให้ยกทัพเข้ามาถึงชานพระนครและขัดขวางไม่ให้เวียงจันทน์เข้าครอบครองหัวเมืองอีสานของสยาม นอกจากนี้ พระองค์ทรงประสบความสำเร็จในการทำให้สยามกับ ญวนยุติการสู้รบระหว่างกันเกี่ยวกับเรื่องเขมร โดยที่สยามไม่ได้เสียเปรียบญวนแต่อย่างใด
ด้านการคมนาคม
*** ในรัชสมัยของพระองค์ใช้ทางน้ำเป็นสำคัญ ทั้งในการสงครามและการค้าขาย คลองจึงมีความสำคัญ มากในการย่นระยะทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่ง จึงโปรดฯให้มีการขุดคลองขึ้น เช่น คลองบางขุนเทียน คลองบางขนาก และ คลองหมาหอน
ด้านการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา
*** พระองค์ทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามาก และได้ทรงสร้างพระพุทธรูปมากมายเช่น พระประธานในอุโบสถ วัดสัทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร วัดเฉลิมพระเกียรติ วัดปรินายก และวัดนางนอง ทรงสร้างวัดใหม่ขึ้น 3 วัด คือ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร วัดเทพธิดารามวรวิหารและวัดราชนัดดารามวรวิหาร ทรงบูรณปฏิสังขรณ์ วัดเก่าอีก 35 วัด เช่น วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งสร้างมาแต่รัชกาลที่1 วัดอรุณราชวรารามราชวรวิหาร วัดราชโอรสรามราชวรวิหารเป็นต้นด้านการศึกษา
*** ทรงทำนุบำรุงและสนับสนุนการศึกษา โปรดเกล้าฯ ให้ พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงวงศาธิราชสนิท แต่งตำราเรียนภาษาไทยขึ้นเล่มหนึ่งคือ หนังสือจินดามณี โปรดเกล้าฯ ให้ผู้รู้นำตำราต่าง ๆ มาจารึกลงในศิลาตามศาลารอบพุทธาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร ปั้นตั้งไว้ตามเขามอและเขียนไว้ตามฝาผนังต่าง ๆ มีทั้ง อักษรศาสตร์ แพทยศาสตร์อักษรศาสตร์ศาสตร์แพทยศาสตร์พุทธศาสนศึกษาโบราณคดี ฯลฯ เพื่อเป็นการเผยแพร่วิชาการสาขาต่าง ๆ จึงอาจกล่าวได้ว่า วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของกรุงสยามด้านสังคมสงเคราะห์
*** พระองค์ทรงเอาพระทัยใส่ดูแลทุกข์สุขของราษฎร ด้วยมีพระบรมราชวินิจฉัยว่า ไม่ทรงสามารถจะบำบัดทุกข์ให้ราษฎรได้ หากไม่เสด็จออกนอกพระราชวัง เพราะราษฎรจะร้องถวายฏีกาได้ต่อเมื่อพระคลังเวลาเสด็จออกนอกพระราชวังเท่านั้น จึงโปรดให้นำกลองวินิจฉัยเภรีออกตั้ง ณ.ทิมดาบกรมวัง ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อราษฎรผู้มีทุกข์จะได้ตีกลองร้องถวายฎีกาไปทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย เพื่อให้มีการชำระความกันต่อไป โดยพระองค์จะคอยซักถามอยู่เนื่อง ๆ ทำให้ตุลาการ ผู้ทำการพิพากษาไม่อาจพลิกแพลงคดีเป็นอื่นได้*** ในรัชสมัยของพระองค์ได้มีมิชชันนารีชาวอเมริกันและ ชาวอังกฤษเดินทางเข้ามาเผยแพร่ ศาสนาคริสต์เพิ่มมากขึ้น หนึ่งในจำนวนนี้คือศาสนาจารย์ นายแพทย์แดน บีช บรัดเลย์ หรือที่คนไทยรู้จักกันดีในนาม "หมอบรัดเลย์" ได้เป็นผู้ริเริ่มให้มีการปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ และการฉีดวัคซีนป้องกันอหิวาตกโรคและการทำผ่าตัดขึ้นเป็นครั้งแรกในกรุงรัตนโกสินทร์ นอกจากนี้หมอบรัดเลย์ยังได้คิดตัวพิมพ์ อักษรไทยขึ้น (ปีพ.ศ.2379) ทำให้มีการพิมพ์หนังสือภาษาไทยเป็นครั้งแรกโดยพิมพ์คำสอนศาสนาคริสต์เป็นภาษาไทย เมื่อวันที่26 เดือนตุลาคม พ.ศ.2379 ต่อมาปีพ.ศ.2385 หมอบรัดเลย์พิมพ์ปฏิทินภาษาไทยขึ้นเป็นครั้งแรก
*** ในด้านการ หนังสือพิมพ์ ฉบับแรกในสมัยรัชกาลที่3 หมอบรัดเลย์ได้ออกหนังสือพิมพ์แถลงข่าวรายปักษ์เป็นภาษาไทย ชื่อ บางกอกรีคอร์เดอร์ (Bangkok Recorder) มีเรื่องสารคดี ข่าวราชการ ข่าวการค้า ข่าวเบ็ดเตล็ด ฉบับแรกออกเมื่อวันที่4 เดือนกรกฎาคม พ.ศ.2387
**** หนังสือบทกลอนเล่มแรกที่พิมพ์ขายและผู้เขียนได้รับค่า ลิกสิทธิ์ คือ นิราศลอนดอน ของหม่อมราโชทัย (หม่อนราชวงศ์กระต่าย อิศรางกูร โดย หมอบรัดเลย์ ซื้อกรรมสิทธิ์ไปพิมพ์ในราคา 400 บาท เมื่อวันที่15 เดือนมิถุนายน พ.ศ.2404 และตีพิมพ์จำหน่ายครั้งแรกเมื่อวันที่6 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2404
ด้านการค้ากับต่างประเทศ
*** พระองค์ทรงสนับสนุนส่งเสริมการค้าขายกับต่างประเทศ ทั้งกับ ชาวเอเชียและ ชาวยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้ากับจีนมาตั้งแต่เมื่อครั้งพระองค์ทรงดำรงพระอิสสริยศเป็นกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ส่งผลให้ พระคลังสินค้ามีรายได้เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ มีการแต่งสำเภาทั้งของราชการ เจ้านาย ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ และพ่อค้าชาวจีนไปค้าขายยังเมืองจีนและประเทศใกล้เคียง รวมถึงการเปิดค้าขายกับมหาอำนาจตะวันตกจนมีการลงนามในสนธิสัญญาระหว่างกันคือ สนธิสัญญาเบอร์นี พ.ศ. 2369 และ 6 ปีต่อมาก็ได้เปิดสัมพันธไมตรีกับสหรัฐอเมริกาและมีการทำสนธิสัญญาต่อกันใน พ.ศ.2375 นับเป็นสนธิสัญญาฉบับแรกที่สหรัฐอเมริกาทำกับประเทศทางตะวันออก ส่งผลให้ไทยได้ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างมาก
ด้านศิลปกรรม
*** พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้บูรณะปฏิสงขรณ์พระปรางค์วัดอรุณราชวรารามจนแล้วเสร็จ และทรงมีรับสั่งให้สร้างเรือสำเภาก่อด้วยอิฐใน วัดยานนาวา เพื่อให้ประชาชนได้รู้ว่าเรือสำเภานั้นมีรูปร่างลักษณะอย่างไร เพราะทรงเล็งเห็นว่าภายหน้าจะไม่มีการสร้างเรือสำเภาอีกแล้ว*** สำหรับวรรณกรรม พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้นักปราชญ์ราชบัณฑิตจารึกวรรณคดีที่สำคัญ ๆ และวิชาแพทย์แผนโบราณลงบนแผ่นศิลา แล้วติดไว้ตามศาลารายรอบพระอุโบสถ รอบพระมหาเจดีย์บริเวณวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เพื่อให้ประชาชนได้ศึกษาหาความ
เหตุการณ์สำคัญ
*** พ.ศ. 2367 มีเหตุการณ์สำคัญดังนี้ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เสด็จสวรรคต ขณะมีพระชนมพรรษาได้ 57 พรรษา ครองราชย์ได้ 15 ปี พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่ 3 แห่งราชวงศ์จักรี โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมจัดพิธีให้อุปราชาภิเษกพระองค์เจ้าอรุโณทัยขึ้นเป็นที่ กรมพระราชวังบวรสถานมงคลโปรดเกล้าฯ ให้ส่งกองทัพไทยไปช่วยอังกฤษรบพม่า
*** พ.ศ.2368 เฮนรี เบอร์นี ขอเข้ามาทำสัญญาค้าขาย
*** พ.ศ. 2369 มีเหตุการณ์สำคัญดังนี้: ลงนามในสัญญา เบอร์นี เจ้าอนุวงศ์เป็นกบฏ โปรดเกล้าฯ ให้กรมพระราชวังบวรฯ เป็นแม่ทัพใหญ่ยกไปปราบ กำเนิดวีรกรรม ท้าวสุรนารี(คุณหญิงโม) และโปรดเกล้าฯ ให้พระยาราชสุภาวดี (สิงห์ สิงหเสนี) แม่ทัพหน้าเป็นเจ้าพระราชสุภาวดี ว่าที่สมุหนายก
*** พ.ศ.2370 เริ่มสร้างพระสมุทรเจดีย์
*** พ.ศ. 2371 ร้อยเอกเจมส์โลว์ จัดพิมพ์หนังสือภาษาไทยเป็นครั้งแรก มิชชันนารีอเมริกันเดินทางมาเผยแพร่ศาสนาในเมืองไทย
*** พ.ศ.2372 เจ้าพระยาราชสุภาวดี (สิงห์ สิงหเสนี) จับเจ้าอนุวงศ์ จัดส่งลงมากรุงเทพมหานคร ได้โปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาเป็น เจ้าพระยาบดินทรเดชา ที่สมุหนายก
กำเนิดสงฆ์ธรรมยุติกนิกาย
*** โปรดเกล้าให้ทำการสังคายนาเป็นภาษาไทยทรงบูรณปฏิสังขรณ์วัดวาอารามหลายแห่ง และสร้างวัดใหม่ คือวัดเทพธิดาราม วัดราชนัดดา วัดเฉลิมพระเกียรติ และวัดพระเชตุพนฯลฯได้ตั้งโรงเรียนหลวง (วัดพระเชตุพน) ขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อสอนหนังสือไทยแก่เด็กในสมัยนี้ และได้ถือกำเนิดนิกายธรรมยุติขึ้น โดยพระวชิรญาณเถระ (เจ้าฟ้ามงกุฏ) ขณะที่ผนวชอยู่ได้ทรงศรัทธาเลื่อมใสในจริยาวัตรของพระมอญ ชื่อชาย ฉายา พุทฺธวํโส จึงได้ทรงอุปสมบทใหม่ เมื่อ พ.ศ.2372 ได้ตั้งคณะธรรมยุตขึ้นในปี พ.ศ. 2376 แล้วเสด็จมาประทับที่วัดบวรนิเวศวิหาร และตั้งเป็นศูนย์กลางของคณะธรรมยุติ พ.ศ.2373พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงตั้งให้ เจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ บุนนาค) เป็นว่าที่สมุหพระกลาโหม*** พ.ศ.2374 ทำการบูรณะวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ใช้เวลา 16ปีในการสร้าง เกิดน้ำท่วมใหญ่ในพระราชอาณาจักร
*** พ.ศ.2375 แอนดรูว์ แจ็กสัน ประะานธิบดีสหรัฐอเมริกา ส่งเอ็ดมันต์ โรเบิร์ต เข้ามาขอเจริญพระราชไมตรีทำการค้ากับไทย
*** พ.ศ. 2376 เกิดกบฏญวน โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ผู้สำเร็จราชการเป็นแม่ทัพใหญ่ไปรบ
*** พ.ศ. 2377 ออกหวย ก.ข. เป็นครั้งแรก ญวนได้ส่งพระอุไทยราชามาปกครองเขมร
*** พ.ศ.2378 เกิดภาวะเงินฝืดเคือง
*** พ.ศ.2380 หมอบรัดเลย์ คิดตัวพิมพ์อักษรไทยขึ้นใหม่ โปรดเกล้าฯ ให้หมอหลวงไปหัดปลูกฝีกับหมอบรัดเลย์
*** พ.ศ.2381เกิดกบฎหวัดหมาดหลี ที่หัวเมืองไทรบุรี
*** พ.ศ.2382 ทรงประกาศห้ามสูบฝิ่น เพื่อส่งเสริมศีลธรรมในบ้านเมือง และ มีการเผาฝิ่น และ โรงยาฝิ่น พร้อม มีการปราบอั้งอั้งยี่ซึ่งค้าฝิ่น เหล่านั้น
*** พ.ศ.2385 หมอบรัดเลย์ พิมพ์ปฏิทินภาษาไทยขึ้นเป็นครั้งแรก
*** พ.ศ.2386 เกิดสุริยุปราคาต็มดวงขึ้นในวันที่21 เดือนธันวาคม
*** พ.ศ. 2386 แนวคราสมืดพาดผ่านภาคใต้ตอนกลาง กรุงเทพฯเห็นเป็นชนิดบางส่วน 82%
*** พ.ศ.2389 ญวนขอหย่าทัพกับ เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) โปรดเกล้าฯ ให้สร้างโลหะปราสาท วัดราชนัดดารามวรวิหาร
*** พ.ศ.2390 ทรงอภิเษกให้นักองค์ด้วงเป็น สมเด็จพระหริรักษ์รามมหาอิศราธิบดี ครองประเทศกัมพูชา
*** พ.ศ.2391 ญวน ขอเจริญพระราชไมตรีดังเดิม กองทัพเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) กลับกรุงเทพมหานคร
*** พ.ศ.2392 มีเหตุการณ์สำคัญดังนี้
กองทัพเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) และ เจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ บุนนาค) ปราบอั้งยี่ ที่ ฉะเชิงเทรา
เกิดอหิวาตกโรคระบาด มีคนตายมากกว่า 30,000คน ซึ่งรวมถึงเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี)
*** พ.ศ.2393 อังกฤษ และสหรัฐฯ ขอแก้สนธิสัญญา
*** พ.ศ.2394 เสด็จสวรรคต เมื่อ วันที่2 เดือนเมษายน พ.ศ.2394 รวมพระชนมพรรษาได้ 64 พรรษา ดำรงอยู่ในราชสมบัติ 27 ปี
*** พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าชายทับ (พ.ศ.2349 - วันที่7 เดือนกันยายน พ.ศ.2352)
*** พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าชายทับ (วันที่7 เดือนกันยายน พ.ศ.2352 - พ.ศ.2356)
*** พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ (พ.ศ.2356 - วันที่21 เดือนกรกฎาคม พ.ศ.2367)
*** พระบาทสมเด็จพระปรมาธิวรเสรฐมหาเจษฎาบดินทรฯ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (วันที่21 เดือนกรกฎาคม พ.ศ.2367 - วันที่11 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2459)
*** พ.ศ.2389 ญวนขอหย่าทัพกับ เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) โปรดเกล้าฯ ให้สร้างโลหะปราสาท วัดราชนัดดารามวรวิหาร
*** พ.ศ.2390 ทรงอภิเษกให้นักองค์ด้วงเป็น สมเด็จพระหริรักษ์รามมหาอิศราธิบดี ครองประเทศกัมพูชา
*** พ.ศ.2391 ญวน ขอเจริญพระราชไมตรีดังเดิม กองทัพเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) กลับกรุงเทพมหานคร
*** พ.ศ.2392 มีเหตุการณ์สำคัญดังนี้
กองทัพเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) และ เจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ บุนนาค) ปราบอั้งยี่ ที่ ฉะเชิงเทรา
เกิดอหิวาตกโรคระบาด มีคนตายมากกว่า 30,000คน ซึ่งรวมถึงเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี)
*** พ.ศ.2393 อังกฤษ และสหรัฐฯ ขอแก้สนธิสัญญา
*** พ.ศ.2394 เสด็จสวรรคต เมื่อ วันที่2 เดือนเมษายน พ.ศ.2394 รวมพระชนมพรรษาได้ 64 พรรษา ดำรงอยู่ในราชสมบัติ 27 ปี
วันระลึกพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า
*** คณะรัฐมนตรีมีมติให้วันที่31 เดือนมีนาคมของทุกปีเป็น วันระลึกพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า หรือ วันเจษฎาบดินทร์ เป็นวันสำคัญของชาติ แต่ไม่ถือเป็นวันหยุดราชการ และเห็นชอบให้ให้ถวายพระราชสมัญญาว่า “พระมหาเจษฎาราชเจ้า แปลว่า พระเจ้าแผ่นดินผู้เป็นใหญ่พระบรมราชอิสริยยศและพระเกียรติยศ
*** หม่อมเจ้าชายทับ (วันที31 เดือนมีนาคม พ.ศ.2330 - พ.ศ.2349) พระบรมราชอิสริยยศ*** พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าชายทับ (พ.ศ.2349 - วันที่7 เดือนกันยายน พ.ศ.2352)
*** พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าชายทับ (วันที่7 เดือนกันยายน พ.ศ.2352 - พ.ศ.2356)
*** พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ (พ.ศ.2356 - วันที่21 เดือนกรกฎาคม พ.ศ.2367)
*** พระบาทสมเด็จพระปรมาธิวรเสรฐมหาเจษฎาบดินทรฯ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (วันที่21 เดือนกรกฎาคม พ.ศ.2367 - วันที่11 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2459)
ภายหลังการสวรรคตในรัชกาลที่ 6
*** พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาเจษฎาธิบดินทร พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (วันที่11 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2459 - สมัยรัชกาลที่7)ภายหลังการสวรรคตในรัชกาลที่ 7
*** พระบาทสมเด็จพระปรมาธิวรเสรฐมหาเจษฎาบดินทรฯ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (สมัยรัชกาลที่7 - พ.ศ. 2540)ภายหลังการสวรรคตในรัชกาลที่ 9
*** พระบาทสมเด็จพระปรมาธิวรเสรฐมหาเจษฎาบดินทร สยามินทรวิโรดม บรมธรรมิกมหาราชาธิราช บรมนารถบพิตร พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า (พ.ศ.2540 - ปัจจุบัน)พระราชสมัญญา
*** พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงได้รับการถวายพระราชสมัญญาต่าง ๆ เช่น ในปี พ.ศ.2541 พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรได้ถวายพระราชสมัญญาว่าพระมหาเจษฎาราชเจ้า และได้ใช้เป็นสร้อยพระนามสืบมาจนปัจจุบัน ต่อมา พ.ศ.2551 คณะรัฐมนตรีมีมติถวายพระราชสมัญญาว่าพระบิดาแห่งการค้าไทย พระบิดาแห่งการพาณิชย์นาวีไทย และในปีพ.ศ.2558 ถวายพระราชสมัญญาว่าพระบิดาแห่งการแพทย์แผนไทย (ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่16 เดือนมิถุนายน พ.ศ.2558 ) เขียนวันที่17 เดือนกรกฏาคม พ.ศ.2564
โทร 0983699890 เบอร์ไลน์ 0805855611 Line ID vaya07 Facebook พรชัย เลาวะยานนท์
นายพรชัย เลาวะยานนท์
ธนาคารกสิกรไทย สาขาบิ๊กซี เพชรเกษม2 พุทธมณฑลสาย3 ออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 020 - 1 - 33934 - 0
ธนาคารกรุงไทย สาขาเพชรเกษม 77/2 หนองแขม บัญชีออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 191 - 0 - 68235 - 7
ธนาคารกรุงไทย สาขาเพชรเกษม 77/2 หนองแขม บัญชีออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 191 - 0 - 68235 - 7
ร้านพรชัยศูนย์พระแท้ 1023/67 หมู่บ้านศรีเพชร ซอย21 ถนนเพชรเกษม106 แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร10160
คลิกที่ ที่อยู่ดูสถานที่ตั้งร้านพรชัยพระแท้
คลิกที่ ที่อยู่ดูสถานที่ตั้งร้านพรชัยพระแท้
✱พระทุกองค์ที่ระบุราคาไว้ในร้านออนไลน์นี้ ยังไม่คิดรวมราคาค่าบริการส่ง EMS อีก 50 บาท✱
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น